วัดเซนโซจิหรือวัดอาซากุสะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันแสนคุ้นเคยของโตเกียว ปกติแล้วใครไปเที่ยวโตเกียวครั้งแรกก็ต้องไปวัดเซนโซจิกันทั้งนั้น หลังจากห่างหายจากการมาโตเกียวสามปี ก็ค้นพบว่าตอนนี้วัดเซนโซจิมีกิจกรรมท่องเที่ยวแบบใหม่ นั่นก็คือการเดินเล่นเที่ยวชมรอบอาซากุสะกับเกอิชา
การเที่ยวชมอาซากุสะไม่ได้มีแค่การนั่งรถลากแรงคน แต่ยังสามารถเชิญเกอิชาคนหนึ่งมาเป็นไกด์นำทางให้ได้ด้วย เธอจะพาพวกเราเดินเข้าประตูคามินาริ เลาะไปตามถนนร้านค้านากามิเสะ แนะนำร้านค้าเก่าแก่เฉพาะทางหลากหลายประเภทบนทางเดินเส้นเล็กๆ ที่เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของย่านเขตชุมชนเมืองอาซากุสะ สุดท้ายก็พาพวกเราไปยังศาลเจ้าอาซากุสะที่อยู่อาณาเขตติดกันกับวัดเซนโซจิแต่กลับคนไม่ค่อยมีรู้จักมากนัก
ภายในศาลเจ้าอาซากุสะมีภาพวาดจิตรกรรมรูปสัตว์วิเศษมากมาย แม้ทั้งหมดจะเป็นสัตว์ในจินตนาการ แต่ก็ล้วนเป็นสัญลักษณ์ของความสงบสุข และดำรงอยู่เพื่อมอบความสุขและอวยพรให้ความปรารถนาของมนุษย์เป็นจริง เทียบกับวัดเซนโซจิที่มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนมากกว่าคนท้องถิ่น ที่ศาลเจ้าอาซากุสะแห่งนี้ผู้ที่มาเกือบทั้งหมดเป็นคนท้องถิ่น ถ้ามีโอกาสไปเที่ยววัดเซนโซจิละก็ ลองแวะเข้าไปชมศาลเจ้าอาซากุสะ สัมผัสความแตกต่างของวัดกับศาลเจ้าญี่ปุ่นกันดูได้
พื้นที่ย่านอาซากุสะยังคงรักษาเอกลักษณ์ความเป็นย่านชุมชนอันเจริญรุ่งเรืองไร้ข้อผูกมัดในยุคสมัยเอโดะของญี่ปุ่น ถนนการค้า วัดวาอารามและศาลเจ้าของที่นี่ทำให้บริเวณนี้อบอวลไปด้วยกลิ่นอายประวัติศาสตร์ วัดเซนโซจิที่อยู่ใจกลางก็ยิ่งดึงดูดผู้จาริกศรัทธามาสักการะบูชาและนักท่องเที่ยวที่ได้ยินชื่อเสียงเลื่องลือให้เข้ามาเยี่ยมชมนับครั้งไม่ถ้วน ย่านอาซากุสะไม่ได้มีแค่วัดเก่าแก่อันมีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดในโตเกียวให้มาอธิษฐานขอพรเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นสถานที่มอบประสบการณ์วัฒนธรรมของย่านชุมชนเมืองในสมัยเอโดะได้อย่างดีเยี่ยม
ตอนก่อนช่วงเดือนมิถุนายน ปี 2020 ถ้าจะเดินจากวัดเซนโซจิไปโตเกียวสกายทรีต้องเดินอ้อมไปไกลกว่าจะไปถึง แต่ไปโตเกียวรอบนี้ฉันดีใจมากที่ค้นพบว่าเหนือแม่น้ำสุมิดะมีสะพานคนเดิน “SUMIDA RIVER WALK” เพิ่มขึ้นมาหนึ่งแห่ง ในที่สุดก็เชื่อมอาซากุสะกับสกายทรีได้แล้ว!
ทางเดินปูแผ่นกระดานไม้เลียบแม่น้ำแห่งนี้บบรรยากาศดีมาก ในวันที่อากาศดี ระหว่างทางนอกจากจะได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพสองฝั่งแม่น้ำสุมิดะแล้ว ยังสามารถแวะเช็คอินถ่ายรูปสกายทรีคู่กับ “วิวแม่น้ำ” ได้อีกด้วย เพื่อนๆ คนไหนช่างสังเกตหน่อยไม่แน่บางทีอาจได้เจอ “ไข่อีสเตอร์” น้องโซระคาระจังของสกายทรีด้วยนะ ฮ่าๆ
หลังลงจากสะพานมาแล้วก็สามารถแวะเดินเล่น “TOKYO mizumachi” ที่อยู่ระหว่าง “สถานีอาซากุสะ” กับ “สถานีโตเกียวสกายทรี” ของรถไฟสายโทบุสกายทรี ซึ่งออกแบบมาให้ผสมผสานเข้ากับสภาพใต้สะพานต่างระดับ มาที่นี่ไม่เพียงแต่จะได้ลิ้มรสขนมญี่ปุ่นร้านดัง เช็คอินร้านกาแฟสไตล์อาร์ตๆ และร้านอาหารยอดฮิตบนอินเทอร์เน็ต และยังได้เพลิดเพลินกับการปิกนิกในสวนสาธารณะสุมิดะที่อยู่ติดกับTOKYO mizumachi อีกด้วย
เมื่อปลายปีที่แล้วตอนฉันไปโตเกียวสกายทรีเป็นช่วงที่โตเกียวสกายทรีครบรอบ 10 ปีพอดี ขึ้นลิฟต์ที่ตกแต่งด้วยภาพทิวทัศน์สี่ฤดูขึ้นไปจนถึงชั้นชมวิว จากชั้นความสูง 445 เมตร ไปจนถึง 450 เมตร จะมีระเบียงทางเดินทรงลาดเอียง ประมาณ 110 เมตร เรียกว่า “Tembo Galleria” ที่นี่คุณจะได้เพลิดเพลินกับความสนุกประหนึ่ง “เดินอยู่ท่ามกลางท้องฟ้า” และใน Tembo Galleria ก็ยังมีจุดที่เรียกว่าSORAKARA POINT ระดับความสูง 451.2 เมตร ถือเป็นจุดที่สูงที่สุดของโตเกียวสกายทรี
ช่วงเวลาพลบค่ำตะวันตกดินยืนบนความสูงกว่า 400 เมตร ทอดสายตามองเห็นทั่วทั้งเมืองโตเกียว ฉันได้ชมภาพพระอาทิตย์ตกที่งดงามที่สุดในปี 2022 เห็นเพียงภูเขาไฟฟูจิอันห่างไกลอยู่เหนือเมฆหมอก ใต้ฝ่าเท้าเป็นเมืองโตเกียวอันเจริญรุ่งเรือง นี่คงเป็นการอธิบายเพลง “ใต้ภูเขาฟูจิ” ในตำนานของ อีสัน ชานได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุดแล้วสินะ
ด้านล่างของหอคอยโตเกียวสกายทรียังมีแหล่งรวมสินค้าและอาหาร เรียกว่า “โตเกียวโซลามาจิ” ที่นี่มีร้านค้าและร้านอาหารรวมกันมากกว่า 300 ร้าน ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่มีเฉพาะในญี่ปุ่น หรืออาหารญี่ปุ่นรสเลิศก็ล้วนซื้อหามารับประทานได้จากร้านค้าเหล่านี้ ฉันมาโตเกียวสกายทรีรอบนี้ยังได้กินร้านข้าวหน้าปลาไหล “Hitsumabushi Bincho” แสนอร่อยที่เคยกินเมื่อตอนไปเที่ยวนาโกย่าด้วย นอกจากนี้ยังมีร้านขนมน้ำตาลปั้น Asakusa amezaiku Ameshin ที่สืบทอดศิลปะงานฝีมือแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น รวมถึงร้านเครื่องสำอางแบรนด์ดังที่มีส่วนผสมของแผ่นทองคำ ยังมีไอศกรีมที่อร่อยมากของร้านขายขนมหวานทำจากสตรอว์เบอร์รีโดยเฉพาะ ภายร้านเต็มไปด้วยเค้ก ขนมหวานสไตล์ญี่ปุ่น เครื่องดื่มและคุกกี้ทั้งหมดล้วนทำมาจากสตรอว์เบอร์รี ยังมีร้านค้าอีกหลายร้านที่อยู่ในลิสต์ แต่ฉันไปไม่ทันเพราะหมดเวลาเสียก่อน TOKYO SKYTREE TOWN นี่เที่ยวได้ทั้งวันจริงๆ!
ตอนค่ำเดินชมวิวกลางคืนระหว่างทางกลับจากโตเกียวสกายทรีไปอาซากุสะก็สวยมากเช่นกัน โดยเฉพาะศาลเจ้าอุชิจิมะในสวนสาธารณะสุมิดะ มีการประดับประดาไฟเป็นพิเศษ ปีนี้ได้มุมถ่ายรูปโตเกียวสกายทรีสุดแฟนตาซีมาอย่างง่ายดายเลยละ งานครั้งนี้จะจัดถึงวันที่ 15 เดือนกุมภาพันธ์ หวังว่าปีหน้าจะจัดอีกนะ
โรงแรม Asakusa Tobu Hotel ซึ่งเปิดบริการตอนเดือนตุลาคมปี 2020 อยู่ใกล้กับวัดเซนโซจิมาก อยู่ตรงข้ามกับสถานีโทบุอาซากุสะเลย จะเดินทางไปจุดท่องเที่ยวใจกลางเมืองก็สะดวกสบายมาก ที่สำคัญมันเป็นโรงแรมเดียวใน 23 เขตของโตเกียวที่มีห้องพักเป็นธีมHello Kitty โรงแรมจะมีห้องพักHello Kitty สองธีม คือ “ญี่ปุ่นโมเดิร์น” กับ “นางฟ้าซากุระ” อย่างละสามห้อง ห้องพักพื้นที่กว้างขวาง มีเตียงทั้งหมดสี่เตียง เหมาะมากสำหรับครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนมาเข้าพัก
พวกเราพักในห้องธีม “ญี่ปุ่นโมเดิร์น” ซึ่งเต็มไปด้วยสีสันเฉพาะตัวของอาซากุสะผสานกับความดั้งเดิมแบบญี่ปุ่น บนผนังเต็มไปด้วยภาพลวดลายคิตตี้สวมชุดกิโมโนคู่กับร่มกระดาษญี่ปุ่นเปี่ยมกลิ่นอายความเป็นเอโดะ หน้าจอบนหัวเตียงยังสามารถปรับความสว่าง เครื่องปรับอากาศ และนาฬิกาปลุกได้ทั่วทั้งห้อง มีปุ่มภาษาจีนให้เลือกได้ ห้องน้ำแยกเป็นสัดส่วนมีส่วนเปียกกับส่วนแห้ง และเต็มไปด้วยของตกแต่งสีชมพู
ทางโรงแรมยังเอาใจใส่เตรียมของขวัญ Hello Kitty ที่ตรงกับธีมของห้องพักให้แก่แขกที่เข้าพักทุกคน มีถุงผ้า ตะเกียบและพวงกุญแจ ถ้าพาเด็กๆ มาด้วย ก็สามารถถ่ายรูปคู่กับ Hello Kitty ได้โดยไม่ต้องก้าวขาออกจากโรงแรม!
บันทึกการเดินทางครั้งนี้โดย J调de华丽
https://weibo.com/u/1559043120